1 นาทีกับ 3 ขั้นตอนที่ควรทำเมื่อโทรศัพท์มือถือหล่นลงในโถส้วม

29 Nov 2012
7,588 ครั้ง


เชื่อว่าหลายคนเวลาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำก็ต้องหากิจกรรมอื่นๆ ทำแน่นอน บางคนชอบนำหนังสือเข้าไปอ่านหรือ
ฟังเพลง แต่ที่นิยมและพกพาไปได้ทุกที่นั้นก็คือ โทรศัพท์มือถือ นั่นเอง เอาไปกดๆ จิ้มๆ เล่นเฟซบุ๊ก แชทกับเพื่อน
หรือเล่นเกม บางครั้งก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่คาดคิดขึ้น โดยผลสำรวจพบกว่า 19% ของคนที่ชอบเล่นโทรศัพท์ใน
ห้องน้ำทำตกโถส้วม หากคนที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร ให้โทรศัพท์ของเราปลอดภัย มาดูวิธี
แก้ไขปัญหาเมื่อโทรศัพท์หล่นลงในโถส้วมผ่านคลิปวิดีโอ 1 นาทีกับ 3 ขั้นตอน ที่ควรทำอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยชีวิต
มือถือของเรา


ขั้นตอนที่ 1

หากมือถือของเราหล่นลงในโถส้วม สิ่งแรกที่ควรทำให้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโถส้วมให้เร็วที่สุด อย่ามัวแต่ตกใจ ต้องตั้งสติ
ให้ดี หลังจากหยิบมือถือขึ้นมาแล้ว อย่าพยายามเปิดเครื่อง ให้หาผ้าหรือกระดาษทิชชูมาเช็ค เพื่อดูดซับน้ำและความชื้น
ออกก่อนโดยไม่ต้องสนใจว่ามือคุณจะเลอะอะไรก็ตาม (ฮา)

ขั้นตอนที่ 2  

ถ้าโทรศัพท์ของเราเป็น iPhone แน่นอนมันไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องได้ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ หาถุงข้าวสาร
จากนั้นนำ iPhone ไปแช่ไว้ในถุงข้าวสารเพื่อดูดซับความชื้นอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เมื่อครบตามเวลาให้ลองเปิด iPhone ของ
เราดู หากเปิดติด ใช้งานได้ปกติก็รอดไป แต่ถ้าเปิดไม่ติด ก็เตรียมตัวส่งเข้าศูนย์หรือซื้อเครื่องใหม่ได้เลย

สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่สามารถถอดแบตเตอรี่ออกได้ ให้ถอดแบตเตอรี่ออก จากนั้นใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าเช็คเอา
คราบน้ำออก จากนั้นนำอุปกรณ์และชิ้นส่วนทั้งหมดไปแช่ถุงข้าวสาร และแน่นอนอย่าพยายามเปิดเครื่องเด็ดขาด!!

ขั้นตอนที่ 3

แน่อนในกรณีที่มือถือของเราตกน้ำ หล่นโถส้วม การประกันสินค้าจะสิ้นสุดลง นั้นหมายความว่าหากเกิดอาการอะไรขึ้น คุณ
ไม่สามารถนำมันกลับเข้าศูนย์ได้ (ซ่อมที่ศูนย์ได้แต่จะต้องเสียค่าบริการในการซ่อมเอง) จากนั้นให้เช็คดูว่าการตกน้ำร้ายแรง
มากแค่ไหน โดยดูจากแถบวัดความชิ้น สำหรับโทรศัพท์ของแอปเปิลจะมีแถบวัดความชื้นภายในช่องเสียบหูฟังและช่องเสียบ
ชาร์จ ปกติแถบวัดความชื่นจะเป็นสีขาว เมื่อโดนความชื้นมันจะกลายเป็นสีแดง ส่วนโทรศัพท์รุ่นอื่นๆ มักจะอยู่มุมหลังแบตเตอรี่
วิธีการทั้งหมดเป็นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเท่านั้น หากพบว่าโทรศัพท์ของเราใช้งานไม่ได้เหมือนเดิมหรือเกิดปัญหาแนะนำ
ให้ส่งร้านซ่อมมือถือ เพื่อดูอาการที่เกิดขึ้น หากซ่อมแล้วไม่หายนี่คงเป็นข้ออ้างสำหรับการซื้อมือถือใหม่ (ฮ่าๆ)

ที่มา: hackcollege