LifeStyle Blogger – แค่ก้าวขาก็พาเพลิน
ไม่ค่อยเขียนเรื่องราวของตัวเองลงบล็อกซะนาน จนจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ Publish ลงบล็อกนั้นเมื่อไหร่กัน
วันนี้โอกาสดี มีคนข้างกายชวนออกไปเดินเที่ยวข้างนอก หลังจากที่อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบที่ใหญ่กว่ารังหนูไม่มาก
ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ออกไปพักผ่อน พักเรื่องราวที่ต้องคิด ปล่อยตัว ปล่อยใจ ให้ว่าง ก้าวขาออกไปดูโลก
กว้างก็ไม่เสียหายอะไร โปรแกรมวันนี้มีจุดหมายที่ชัดเจน คือ ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ จริงๆแล้ว ไม่ได้ถือโอกาสไปเที่ยว
ด้วยความบังเอิญที่คนข้างๆกาย มีธุระที่ต้องไปทำแถวนั้นพอดี เลยเอ๋ยปากชวน
ออกเดินทางจากหอ ก็พบกับความประทับใจครั้งแรก ขึ้นรถเมล์ิผิดสาย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา คนบ้านนอกอย่างผม จะขึ้นรถ
ผิดๆ ถูกๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก การเดินทางเริ่มสนุกยิ่งขึ้น เมื่อได้เดินทางกับเรือด่วนเจ้าพระยา ผมยังจำครั้งสุดท้ายการนั่ง
เรือและกลิ่นไอของนํ้าพร้อมด้วยละอองนํ้ากระทบกับใบหน้า ยามเรือแล่นโต้คลื่น เมื่อครั้งยังเรียนสมัยมัธยมตอนปลาย
นั้นมันก็หลายปีมาแล้ว วันนี้ได้ปลดปล่อยจินตนาการนั้นอีกครั้ง กับการเดินทางจากท่านํ้านนทบุรี สู่ท่าช้าง การเดินทาง
ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร แต่ก็มีเวลาพอให้คิด สร้างจินตนาการระหว่างทางไปพร้อมๆ กับวิถีชีวิตริมสองฝั่งแม่นํ้าเจ้าพระยา
เรือเทียบท่ารับผู้โดยสาร ท่าแล้วท่าเล่า ไม่นานเกินรอผมก็ถึงที่หมายคือ “ท่าช้าง”
หลังจากเสร็จธุระเรียบร้อย ก็หาอะไรรองท้องก่อน หลังจากหนังท้องตึงๆ ก็ได้เวลาออกเดินย่อยอาหาร สิ่งแรกที่มองเห็น
ได้แถวท่าช้าง กำแพงสีขาวกับกระเบื้องหลากสีบนหลังคา เป็นภาพที่ใครหลายๆ คนก็คงคุ้นตาเป็นอย่างดี ด้วยความเป็น
เอกลักษณ์ของชาติ ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ นั้นก็คือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารหรือที่
ใครหลายคนเรียกว่า “วัดโพธิ์” ออกเดินเท้าไม่นานก็เข้าสู่วัดโพธิ์ กลิ่นธูปเทียน ลอยตามลมมาแต่ไกล เข้าไปข้างนั้น
มีทั้งคนไทย คนต่างประเทศ มากหน้าหลายตา เดินเรียงรายอยู่บริเวณวัด ผมไม่รอช้าที่จะทอนดอกไม้ธูปเทียน เพื่อไหว้
พระ คนเข้าวัดน้อยแบบผม คงไม่อยากพลาดโอกาสทำบุญเพื่อให้เกิดความสุขกาย สบายใจไปอย่างแน่นอน
หลังจากไหว้พระ ปิดทองเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินชมรอบบริเวณวัดโพธิ์กับ 9 สิ่งมหัศจรรย์ เป็นอีกครั้งที่ตื่นตาตื่นใจกับ
สิ่งที่เห็นภายในวัด ก็ทำไงได้ละครับ ผมคนบ้านนอกไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหน ก็ต้องรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา ใน
ระหว่างที่เดินชมความงดความอยู่ภายในวัด ในใจผมคิดตลอดเวลา ว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่ไม่มีชาติใดในโลกมี
มันเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นไทย ควรค่าแก่การบำรุงรักษาและอนุรักษ์ไว้ (ตอนนี้ืั้ที่วัดโพธิ์ มีหลายส่วนที่
กำลังปิดบูรณะใหม่) หลังจากที่ชื่นชมกับความงามเพียงพอแล้ว ก็ออกเดินเท้ากันต่อ มุ่งหน้าสู่สนามหลวง…
สิ่งแรกที่เห็นก็คือพ่อค้าแม่ค้า กลิ่นไอของความยากจน ความลำบาก ที่มีให้เรามองเห็นตลอดทางระหว่างเดินไปสนามหลวง
หลากหลายชีวิตที่พยายามเอาตัวรอด จากยุคที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่สังคมที่เสื่อมลง ไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย เป็นอีกครั้ง
ที่ในใจของผมครุ่นคิดอยู่ตลอดในระหว่างเดินทางผ่านผู้คนเหล่านั้น เกิดคำถามขึ้นในใจ ไม่มีใครมองเห็นคนพวกนี้เลยเหรอ
เค้าเป็นใคร มาจากไหน มันเป็นปัญหาสังคมที่ไม่ได้ัรับการแก้ไขหรือไม่อยากแก้ไขหรือเปล่า ? พัฒนาประเทศก็เป็นเรื่อง
สำคัญ แต่พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศนั้นสำคัญกว่า…ผมทำได้แค่มอง เก็บมาคิดจินตนาการต่อไป…
ปล่อยให้จินตนาการล่องลอยต่อไป…ตอนนี้ผมเริ่มรู้ถึงอาการเมื่อยขา เหนื่อยล้าเล็กหน่อย ประกอบกับฝนกำลังตั้งเค้า
มืดมากแต่ไกล นั้นเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า ใกล้ได้เวลากลับแล้ว ผมไม่รอช้ารีบเดินมารอที่ึ้ขึ้นเรือที่ท่าช้าง เพื่อแวะ
ไปท่าวังหลัง(พรานนก)
ได้ข่าวว่าที่นี่ของถูก ออกเดินได้ไม่นานฝนก็เริ่มลงเม็ดปรอยๆ เบาๆ แล้วค่อยๆ ลงเม็ดหนักขึ้น
เป็นสัญญาณบอกอีกครั้งว่าการเดินทางวันนี้ควรสิ้นสุดลง ตัดสินใจหาของติดไม้ติดมือ แล้วก็มารอขึ้นเรือที่ท่าวังหลัง รอได้
ไม่นานเรือมา เปลี่ยนบรรยากาศกับตอนขามาเล็กน้อย ขากลับอากาศเย็น พร้อมด้วยละอองฝนที่สาดเข้ามา ก็ทำให้รู้สึกสดชื่น
และหายเหนื่อยขึ้นมาทันที…. จบทริปการเดินทางหนึ่งวันกับสไตล์บล็อกเกอร์คนนี้ รอชมภาพจาก Flickr ได้ครับ