เต็มอิ่มกับนิทรรศการ “ก้าวมั่นคง ยังยืน พอเพียง”

21 Feb 2017
1,910 ครั้ง


วันนี้ผมแต่งตัวดีเป็นพิเศษครับ เพราะจะต้องเข้าเมือง ก็ต้องจัดเต็มกันนิดหน่อย อย่างช่วงกลางวันไปแวะทานข้าวที่พารากอน แล้วก็ไปดูงาน “ก้าวมั่นคง ยั่งยืน พอเพียง” ต่อครับ ผมนี่เคลียร์ทุกคิว เพื่อที่จะมางานนี้โดยเฉพาะ จริง ๆ พิธีเปิดมันเริ่มตอนเย็นครับ ดารานักร้องมาเพียบ แต่ผมกลัวรถติด เดี๋ยวจะมาร่วมงานไม่ทัน ก็เลยเผื่อเวลานิดหน่อย จะว่าไปก็ไม่หน่อยนะ ตั้งครึ่งวัน 555 แต่ยังไงก็มาแล้ว ก็ต้องเต็มที่กับงานล่ะครับ

สืบเนื่องมาจากโบชัวร์ของน้องที่แจกเมื่อวาน ว่าวันนี้จะมีงาน “ก้าวมั่นคง ยังยืน พอเพียง” ผมก็เลยเตรียมพร้อมมาร่วมงานนี้เต็มที่ คนพร้อม กล้องพร้อม จะรออะไรล่ะครับ ไปดูบรรยากาศในงานกันดีกว่า ภาพใหญ่ของงานนี้คงจะเป็นเรื่องของพลังงานไทยและชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน

งาน “ก้าวมั่นคง ยั่งยืน พอเพียง” นี้ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยนะครับ ผมเริ่มต้นที่บูธ ของสนพ. พอเข้าไปในบริเวณงาน ก็พบกับภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่เต็มไปหมด แต่ที่เด็ดกว่านั้นก็คือพระราชกรณียกิจ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำ ลม ไฟฟ้า หรือก๊าซธรรมชาติ ที่พระองค์ได้ทรงมีพระราชดำริโครงการต่าง ๆ เอาไว้ มันมากมายเสียจนผมล่ะงงว่า ในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง จะมีเวลามากพอที่จะทำงานได้หนักเท่าท่านรึเปล่า

จะว่าไป… ผมเพิ่งรู้นะครับว่าในวังเนี่ย ไม่ต้องจ่ายค่าไฟ ก็ในหลวงท่านทรงติดตั้งกังหันลมขึ้นมาผลิตไฟฟ้าใช้เองนี่แหละ รู้แล้วทึ่งสุดๆ เมื่อลมพัดใบพัด ก็จะเป็นการทำให้มอเตอร์หมุน พอมอเตอร์หมุน ก็จะใช้พลังงานไปสูบน้ำ เพื่อนำกลับมาปั่นไฟต่ออีกครั้ง แถมยังขยายผลนำกังหันพลังงานลมไปให้ชาวบ้านได้ใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ห้วยบง หรือแหลมพรหมเทพ ผมว่าท่านเอาใจใส่ประชาชนของท่านสุดๆ ไปเลยนะครับ ยิ่งผมได้รู้จักท่านมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งศรัทธาในคุณงามความดีของท่านมากขึ้นเท่านั้น

งานนี้ผมว่ากลับบ้านไป ผมจะลองเอากังหันลมมาติดที่บ้านดูบ้างเหมือนกัน เรียกได้ว่าลงทุนครั้งเดียว แต่ไม่ต้องจ่ายค่าไฟไปอีกนานหลายปีเลยทีเดียว เพราะพลังงานลมไม่สูญหายไปไหน แถวบ้านผมนี่ยิ่งลมแรงเอามาก ๆ ด้วย ยิ่งช่วงฤดูฝนนี่เคยพัดต้นไม้โค่นมาแล้วครับ

ยังไม่หมดเท่านั้นครับ เพราะในงานยังมีบูธกองทุนฯ ที่คอยส่งเสริมค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมด้านพลังงาน ในงานนี้ผมจึงได้มีโอกาสทำความรู้จักกับนวัตกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะมีรถไฟฟ้ามาโชว์กันถึงที่ เป็นพลังงานสะอาดที่คนไทยคงได้ใช้กันในอนาคต นอกจากนี้ก็มีการให้ความรู้เกี่ยวกับหลอดไฟ LED และเครื่องปรับอากาศระบบ Inverter แบบเข้าใจง่ายมาให้พวกเราได้ศึกษากันด้วย

พอเดินต่อมาที่บูธหาร 2 ก็ได้พบกับของใช้ส่วนพระองค์ มีทั้งกระปุกออมสิน เสื้อสูทฉลองพระองค์ ดินสอทรงงาน รถยนต์พระที่นั่ง และฉลองพระบาท ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความประหยัดและมัธยัสถ์ของพระองค์ จนคนธรรมดา ๆ อย่างผมรู้สึกอาย พระองค์ทรงอดออม แต่ก่อนถ้าสมัยที่ยังทรงประทับอยู่ต่างประเทศกับสมเด็จย่า พระองค์ไม่ได้ของทุกอย่างตามที่ต้องการ แต่ถ้าอยากได้ ต้องเก็บเงินซื้อ หรือ 

ไม่อย่างนั้นก็ต้องประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ฉลองพระองค์ก็เป็นสูทธรรมดา ๆ ดินสอทรงงานก็ใช้จนสั้นกุด รถยนต์ก็ใช้รุ่นที่ไม่แพงมาก แต่สามารถขับไปเยี่ยมเยียนพสกนิกรได้ทั่วทั้งประเทศ ไหนจะฉลองพระบาทที่ทรงใส่จนสึกไปหมดอีก แต่ที่ผมหน้าชาที่สุด คงจะต้องยกให้กับข้าวผัดจานเล็ก ๆ ที่พระองค์เสวย เทียบกับมื้อเที่ยงที่ผ่านมาของผมแล้ว ผมรู้สึกจุกขึ้นมาถึงคอหอย จริง ๆ แล้วผมเองก็จะไม่เป็นต้องกินแพงอะไรขนาดนั้นก็ได้ แค่อะไรที่กินแล้วอิ่มท้องและให้พลังงานก็น่าจะพอแล้ว ทั้ง ๆ ที่ผมก็รู้ดี แต่ผมก็ไม่ทำ ไหนเลยจะโต๊ะทรงงานของพระองค์ ที่มีเพียงเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าเครื่องเดียว ก็สามารถทรงงานได้มากมาย ผมนี่จัดเต็มทั้งโน้ตบุ๊ค จอเสริม โทรศัพท์ แทปเล็ต นาฬิกา อะไรต่ออะไรกองจนเต็มโต๊ะ แต่งานที่ได้ออกมา เทียบกับพระองค์ไม่ได้เลยสักอย่าง เหมือนเป็นกลายเป็นแค่หิ่งห้อยตัวเล็ก ๆ ที่ไม่อยากเทียบแสงของพระอาทิตย์ได้เลย

การมางานในวันนี้ทำให้ผมได้รู้จักในหลวง รัชกาลที่ 9 มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ผมก็ได้ทำความเข้าใจกับตัวของผมเองมากขึ้น และได้ไอเดียดี ๆ หลาย ๆ อย่างจากการมาร่วมงานในวันนี้ เพราะผมดูงานเพลินจนลืมไปเลยว่ามีดารามาร่วมงานด้วย รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาเปิดพิธีเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผมก็ไม่เสียดายนะ เพราะผมเหมือนได้เพชรล้ำค่าจากงานติดตัวกลับบ้านแล้ว