ผู้บริโภคเมินความปลอดภัยออนไลน์ แชร์พาสเวิร์ดไม่คิด ชีวิตเสี่ยงพัง

11 Jan 2016
161 ครั้ง


Consumer-Security-Risks-Survey-2015

แคสเปอร์สกี้ แลป เผย ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกือบครึ่งหรือ 44 % ยอมรับว่าได้แชร์พาสเวิร์ดให้กับคนอื่นหรือให้คนอื่นสามารถมองเห็นพาสเวิร์ดได้ จากผลการสำรวจผู้บริโภคล่าสุด เรื่อง “Consumer Security Risks Survey 2015” และ “Are you cyber savvy? Quiz” ของแคสเปอร์สกี้ แลป พบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องไซเบอร์ ส่งผลให้อาชญากรไซเบอร์สามารถปลดล็อคและเข้าถึงชีวิตออนไลน์ของผู้บริโภคได้

ในแบบสอบถาม เมื่อถามถึงความสำคัญของพาสเวิร์ด ผู้ให้สัมภาษณ์คิดว่าพาสเวิร์ดที่ยากมีความจำเป็นสำหรับการใช้บริการทางออนไลน์ซึ่งผู้ใช้ให้ความสำคัญ ผลการวิจัยชี้ว่า เว็บไซต์ที่ต้องการพาสเวิร์ดที่ซับซ้อนที่สุดคือ ออนไลน์แบงกิ้ง (54%) อีเมล (44%) และโซเชียลมีเดีย (24%) ในส่วนของแอพลิเคชั่น แอพพลิเคชั่นที่สำคัญมากที่สุดสามรายการแรกคือ แอพพลิเคชั่นสำหรับออนไลน์แบงกิ้ง 53% อีเมล 43% และโซเชียลมีเดีย 21%

002

ผู้บริโภคยังเชื่ออีกว่าแอพลิเคชั่นในการใช้จ่ายและช็อปปิ้งออนไลน์ต้องการพาสเวิร์ดที่ซับซ้อน แต่ไม่สำคัญเท่าเว็บไซต์ ผู้บริโภคจำนวนเพียง 29% ที่พิจารณาว่าการช็อปปิ้งออนไลน์เป็นการบริการที่สำคัญเฉพาะบุคคล แม้ว่าผู้ให้สัมภาษณ์จำนวนเกินกว่าครึ่ง (38%) จะรู้ดีว่าพาสเวิร์ดที่ซับซ้อนสามารถรับประกันความปลอดภัยได้อย่างดี นอกจากนี้อีก 29% เห็นด้วยว่าระบบการใช้จ่ายออนไลน์จำเป็นต้องใช้พาสเวิร์ดที่ซับซ้อน และน้อยกว่า 23% เห็นว่าการบริการพวกนี้เป็นค่านิยมส่วนบุคคล

001

สิ่งที่น่าเป็นกังวลมากขึ้นไปอีก คือความจริงที่ว่า แม้ผู้บริโภคจะเห็นด้วยว่าการติดต่อทางธุรกรรมการงานทางออนไลน์ต้องการพาสเวิร์ดที่ซับซ้อน แต่ผู้ให้สัมภาษณ์จำนวนมากกว่าหนึ่งในสี่ (29%) คิดว่าไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มการป้องกันให้ข้อมูลประจำตัวเมื่อใช้บริการธุรกรรมทางออนไลน์ ผู้ให้สัมภาษณ์คาดหวังว่าแบรนด์ที่ซื้อจะให้การบริการการป้องกันที่ต้องการได้

นอกจากนี้ การใส่ข้อมูลส่วนตัวก็มีความเสี่ยงมากขึ้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนหนึ่งในสาม (33%) ยังยอมรับว่าได้เปิดเผยพาสเวิร์ดให้สมาชิกครอบครัวรู้ ผู้ให้สัมภาษณ์อีกจำนวน 44% แชร์พาสเวิร์ดและให้คนอื่นสามารถเห็นพาสเวิร์ดได้ อีกจำนวนหนึ่งในสิบ (11%) แชร์พาสเวิร์ดให้เพื่อนๆ รู้ และที่น่าประหลาดใจอีกจำนวน 6% แชร์ให้กับเพื่อนร่วมงานด้วย ผู้บริโภคจำนวนมากกว่าหนึ่งในสาม (38%) ใช้อีเมลแอดเดรสเพียงบัญชีเดียวสำหรับทำกิจกรรมทางออนไลน์ทุกอย่าง การแชร์พาสเวิร์ดให้กับผู้อื่นอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ หากพาสเวิร์ดตกไปอยู่มือของผู้ไม่หวังดี พาสเวิร์ดนี้จะสามารถปลดล็อคข้อมูลทุกอย่างที่เก็บไว้ในอีเมลแอดเดรสนั้น

เดวิด เอมม์ หัวหน้านักวิจัยด้านความปลอดภัยของแคสเปอร์สกี้ แลป กล่าวว่า “ผู้บริโภคจำเป็นต้องมีความรู้ทางไซเบอร์เกี่ยวกับพาสเวิร์ดมากกว่านี้ การแชร์พาสเวิร์ดเพียงหนึ่งครั้ง เราไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะสิ้นสุดที่ไหน ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ความเข้าใจเรื่องความสำคัญของพาสเวิร์ดที่ซับซ้อนกับการเก็บพาสเวิร์ดให้ปลอดภัยนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ไม่มีใครคิดว่าเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่รู้พาสเวิร์ดจะพูดออกไป แต่การแชร์พาสเวิร์ดนั้นทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงเพิ่มมากขี้นหากพาสเวิร์ดตกไปอยู่ในมือผู้ที่ไม่หวังดี และอาจทำให้อาชญากรไซเบอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินได้ง่าย จากนั้นทำการแฮกแอคเคาท์เพื่อที่จะกระจายลิงค์หรือไฟล์ที่มุ่งร้ายเพื่อที่จะทำลายคนอื่น ที่ร้ายแรงที่สุดคือ ข้อมูลระบุตัวบุคคลอยู่ในความเสี่ยง แม้แต่พาสเวิร์ดที่ซับซ้อนมากที่สุดยังไม่ปลอดภัยหากคนอื่นเห็น ดังนั้นเก็บไว้กับตัวเองดีที่สุด”

เพื่อช่วยให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถรักษาพาสเวิร์ดไว้ได้ โซลูชั่น “Kaspersky Password Manager” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โซลูชั่น “Kaspersky Total Security – Multi Device” เพิ่มชั้นในการป้องกันโดยช่วยจัดเก็บพาสเวิร์ดทั้งหมดให้ปลอดภัยและใช้กับดีไวซ์ทั้งหมดได้ โซลูชั่นนี้จะช่วยจำ สร้างพาสเวิร์ดที่ซับซ้อน และยังสามารถล็อคอินอัตโนมัติเพื่อให้เข้าแอพพลิเคชั่น แอคเคาท์ และเว็บไซต์ได้อย่างปลอดภัย

ท่านสามารถทดสอบระดับความรู้ทางไซเบอร์ของคุณได้ที่ https://blog.kaspersky.com/cyber-savvy-quiz/
อ่านข้อแนะนำเพิ่มเติมเพื่อปกป้องตัวคุณเอง https://blog.kaspersky.com/tag/cybersavvy

ที่มา – อีเมลประชาสัมพันธ์